แบรนด์
บทความ
แผลกดทับ (Bed Sore)
เส้นเลือดขอด (Varicose Vein)
ภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Allergy)
ริดสีดวงทวารหนัก (Hemorrhoids)
กระดูกพรุน (Osteoporosis)
ความจำเสื่อมและอัลไซเมอร์ (Dementia /Alzheimers)
เก๊าท์ (Gout)
ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
ท้องผูก (Constipation)
กรดไหลย้อน (GERD)
ภูมิแพ้ทางเดินหายใจ (Respiratory allergy)
ตาแห้ง (Dry eyes)
สิว (Acne)
ผมร่วง (Hair Loss)
ไมเกรน (Migraine)
เวชสำอางสำหรับสิว (Acne Dermocosmetics)
ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด (Sun Block& Sun Screen)
ผิวริ้วรอย..แก่ก่อนวัย (Wrinkle Skin)
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis)
แผ่นมาส์กผิวหน้า (Facial mask)
ผิวบอบบางแพ้ง่าย (Sensitive skin)
ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ
แชมพูกำจัดรังแค (Anti-Dandruff Shampoo)
ผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วง (Anti-Hair loss Shampoo)
หนังศีรษะบอบบาง (Sensitive scalp Shampoo)
ผิวแตกลาย (Anti Stretch Mark)
ผลิตภัณฑ์สำหรับจุดซ่อนเร้น
กลุ่มอโรมาเธอราพี (Aromatherapy)
บำรุงรอบดวงตา
ผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับเด็ก
สเปรย์น้ำทะเล เจือจางพ่นหรือล้างจมูก
อุปกรณ์ล้างจมูก (Nasal Rinsing System)
น้ำเกลือ (Normal Saline)
อุปกรณ์วัดออกซิเจนปลายนิ้ว (Fingertip Oximeter)
ถุงให้อาหาร (Nutrition Bag)
เครื่องวัดความดัน (Blood Pressure Monitor)
ที่นอนลม (Mattress)
เบาะเจลป้องกันแผลกดทับ Anti-Bedsore Gel Cushion
รถเข็นผู้ป่วย (Wheel Chair)
เครื่องตรวจวัดน้ำตาลในเลือด (Blood Glucose Monitor)
พลาสเตอร์และอุปกรณ์ทำแผล (Bandage&Wound Dressing)
อุปกรณ์พยุงหลัง (Back Support)
แผ่นแปะเท้าและแก้ปวดเมื่อย (Foot Pads and Medicated Plaster)
ทิชชู่เปียกและผ้าเปียก (Cleansing Wipes)
แป้นถ่ายติดหน้าท้อง พร้อมถุงถ่ายหน้าท้อง (Valore Fianges Ring Size)
สารอาหาร
กระชายดำ (Krachaidum)
เห็ดหลินจือ (Reishi)
ผลกุหลาบป่า (Rose Hip)
หลินจือสกัด (Lingzhi Extract)
D-Manose
Licorice (Glycyrrhiza glabra)
แอล-ซิสเทอีน L-Cysteine
สารสกัดจากมิลเลท Millet Extract
วาเลอเลียน (Valerian)
ทีทรีออยล์ (Tea tree oil)
วิตามินรวม (Multi-Vitamins)
สารสกัดเอคไคเนเชีย (Echinesia)
คอนโดรอิติน (Chondroitin)
น้ำมันโบราจ Borage Oil
สารสกัดเมล่อน Melon Extract (SOD)
วิธีสั่งซื้อ
สายให้อาหารทางสายยาง (NG Tube หรือ Nasogastric Tube) คือท่อพลาสติกขนาดเล็กที่สอดผ่านรูจมูกลงไปยังกระเพาะอาหาร ใช้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้เอง แต่ระบบทางเดินอาหารยังทำงานได้ปกติ สายให้อาหารชนิดนี้มักใช้ในกรณีชั่วคราว เช่น ผู้ป่วยหลังผ่าตัด ผู้ป่วยหมดสติ หรือผู้ที่มีปัญหาการกลืน โดยอายุการใช้งานของสายให้อาหารแต่ละครั้งไม่เกิน 4 สัปดาห์หรือประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นควรเปลี่ยนใหม่เพื่อป้องกันการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อน
การใช้งาน NG Tube จำเป็นต้องได้รับการใส่โดยบุคลากรทางการแพทย์ และต้องมีการดูแลรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย
NG Tube ย่อมาจาก Nasogastric Tube หมายถึง ท่อสายยางผ่านระหว่างรูจมูกลงไปยังกระเพาะอาหาร เป็นทางเลือกแรกเมื่อจำเป็นต้องให้อาหารในผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้เองเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งยังมีการทำงานของระบบทางเดินอาหารปกติ อายุการใช้งานของสายให้อาหารแต่ละครั้ง มักใช้ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน
ผู้ที่รับประทานอาหารทางปากไม่ได้ หรือทานได้น้อยกว่า 60% ของพลังงานที่ควรได้รับต่อวัน นานติดต่อกันเกิน 3-7 วัน, ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการกลืน และสำลักอาหาร, ผู้ที่มีภาวะขาดสารอาหาร, ผู้ที่ไม่รู้สึกตัวหรือไม่ยอมรับประทานทางปาก รวมไปถึงผู้ที่เป็นโรคทางจิตเวช เช่น Anorexia nervosa หรือ โรคสมองเสื่อม เช่น Dementia, Alzheimer, Stroke
เวลาการให้อาหาร (Feeding tube) โดยทั่วไปแนะนำให้กำหนดเป็นมื้อ ห่างกัน 4-6 ชั่วโมง หรือวันละ 4 มื้อ โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.ล้างมือให้สะอาด เช็ดมือให้แห้ง จัดท่าผู้ป่วยให้อยู่ในท่านั่ง หรือท่านอนหงายศีรษะสูงกึ่งนั่ง หากผู้ป่วยมีเสมหะให้ไอหรือดูดเสมหะออกให้หมดก่อนให้อาหารทุกครั้ง
2.เช็กตำแหน่งของสาย ที่ขอบจมูกว่าอยู่ในตำแหน่งเดิมหรือไม่ รวมถึงเช็กสภาพพลาสเตอร์ยึดติดสายด้วย
3.พับสายให้อาหารก่อนเปิดจุกสายทุกครั้ง เพื่อไม่ให้ของเหลวไหลย้อนจากกระเพาะเมื่อเปิดจุก
4.ทดสอบการรับ Feed ว่ามีอาหารค้างในกระเพาะอาหารหรือไม่ โดยต่อปลายสายให้อาหารกับกระบอกสูบ 50 มิลลิลิตร (feeding syringe) แล้วใช้กระบอกสูบดูดอาหารออกมา
● ถ้าได้ปริมาณมากกว่า 50 ซีซี ให้ดันอาหารกลับเข้าไปและเลื่อนเวลาให้อาหารออกไปอีก 1 ชั่วโมง
● ถ้าได้ปริมาณน้อยกว่า 50 ซีซี ให้ดันอาหารกลับเข้าไปและให้อาหารมื้อนั้นได้
● ถ้าดูดแล้วไม่พบอะไรออกมา ให้ทดสอบโดยการดันลมเข้าไป 5-10 ml ขณะดันลมให้ใช้ฝ่ามือหรือแนบหูเพื่อฟังเสียงลมบริเวณใต้ชายโครงด้านซ้าย ถ้าได้ยินเสียงลมแสดงว่าสามารถให้อาหารได้
5.กรณีให้อาหารด้วยกระบอก (Syringe) ให้ปลดกระบอกสูบออกจากสาย นำเอาลูกสูบออก แล้วต่อกระบอกกับสายอีกครั้ง จากนั้นเทอาหารใส่กระบอกให้อาหาร ยกกระบอกสูงกว่าตัวผู้ป่วยประมาณ 1 ฟุต ให้อาหารไหลช้าๆ เติมอาหารเมื่อใกล้หมด เพื่อไม่ให้อากาศเข้า
6.กรณีให้อาหารด้วยถุงให้อาหาร (Bag) ให้ต่อสายจากถุงอาหาร เข้ากับสายให้อาหาร ปรับอัตราไหล โดยการให้อาหารหนึ่งมื้อ ควรใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที ไม่ควรให้เร็วเกินไป ขณะให้อาหารหากผู้ป่วยมีอาการสำลัก คลื่นไส้อาเจียน หรือไอ ควรหยุดให้อาหารซักครู่ โดยการพับสายให้อาหารที่ปลายกระบอกสูบ เมื่ออาการดีขึ้นจึงให้อาหารต่อไป
7.การให้ยาก่อนหรือหลังอาหาร ถ้ามียาหลายชนิดควรแยกบดแล้วผสมน้ำเปล่า 5-10 ml ห้ามผสมยาลงในอาหารเด็ดขาด โดยควรให้น้ำเปล่าตามอีกอย่างน้อย 50 ml เป็นอย่างสุดท้ายทุกครั้ง ยกปลายสายขึ้นสูงเพื่อไล่สายให้สะอาด พับสายให้อาหารแล้ว แล้วปลดกระบอกออก เช็ดปลายสายให้อาหาร และปิดจุกให้อาหาร
8.ให้ผู้ป่วยนั่งศีรษะสูง หลังให้อาหาร 30-60 นาทีเพื่อป้องกันการสำลัก
✿ ใส่ง่ายและสะดวก ค่าใช้จ่ายไม่แพง
✿ ใช้เวลาใส่ไม่นาน ไม่ต้องมีการผ่าตัด สามารถไปเปลี่ยนสายให้ที่บ้านได้
✿ ผู้ป่วยได้รับสารอาหารได้อย่างเต็มที่ ตามที่ร่างกายควรได้รับ
✿ ดูแลง่าย ไม่ต้องทำแผลทุกวัน
✿ ระคายเคืองจมูก และคอ ผู้สูงอายุบางรายอาจทนไม่ได้ และอาจดึง จนต้องใส่บ่อยๆ หรือต้องมัดมือเพื่อความปลอดภัย
✿ สายยางเลื่อนหลุดออกจากตำแหน่งของกระเพาะอาหารได้ง่าย ทำให้ต้องใส่ใหม่
✿ ต้องปลี่ยนสายบ่อย ทุก 2-4 สัปดาห์
✿ เวลาใส่สายใหม่ทุกครั้ง อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บ กระตุ้นการสำลัก หรืออาจทำให้ปอดอักเสบได้
✿ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจาก NG tube อาทิ แผลกดทับของสายกับเนื้อบริเวณจมูก รูจมูก และไซนัสอักเสบ อาจเกิดหูอื้อ หูชั้นกลางอักเสบได้ หรืออาจมีอาหารบางส่วนย้อนจากกระเพาะอาหารขึ้นมาจนสำลักได้
✿ บางรายอาจรู้สึกว่ากลืนน้ำลายได้ไม่ปกติ เจ็บคอ กินอาหารทางปากลำบาก ฝึกกลืนยาก
✿ ทำให้สูญเสียภาพลักษณ์ภายนอก
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
สินค้าของแท้
ส่งเร็วทันใจ
เปลี่ยน/คืนได้ภายใน 14 วัน
รีวิวมากมายจากผู้ใช้จริง