365

WECARE

Vitech TEROFLEX 30 แคปซูล. ไวเทค เทโรเฟล็กซ์

บำรุงกระดูกและข้อ

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เทโรเฟล็กซ์ (ตรา ไวเทค) ประกอบไปด้วย แคลเซียม แมกนีเซียม อะมิโน แอซิด คีเลต ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกและข้อ ช่วยเสริมการสะสมแร่ธาตุและการเจริญของกระดูก

รหัสสินค้า: 28010

เลขที่จดแจ้ง / เลข อย. :อย.1011826050117

สถานะ: มีสินค้าใน stock

เลือกจำนวน :

1 ชิ้น

ราคา 759 ฿1390

45 %

linebutton_qalinebutton_share

รายละเอียดสินค้า

Vitech TEROFLEX 30 แคปซูล. ไวเทค เทโรเฟล็กซ์

Vitech TEROFLEX 30 เม็ด

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เทโรเฟล็กซ์ (ตรา ไวเทค)

   
   
กระดูกไม่เหมือนเครื่องจักร ที่ใช้งานไปนานๆแล้วมีจะเสื่อมโทรมลง แต่กระดูกมีกลไกทางธรรมชาติที่คอยควบคุมกระบวนการ สร้างและสลาย ให้เกิดขึ้นเองตลอดเวลา การซ่อมแซมจะเป็นไปได้ด้วยดีถ้าเราได้รับสารอาหารต่างๆที่ดีและเหมาะสม ร่วมกับการดูแลอื่นๆเช่น การบริหารและออกกำลังกายที่ถูกต้อง

    ภายในกระดูกจะมีเซลล์ที่สร้างกระดูกเรียกว่า ออสติโอบลาส(osteoblast) ส่วนเซลล์ที่สลายกระดูกเรียกว่า ออสติโอคลาสต์ (osteoclast) คอยควบคุมการสร้างและสลายของกระดูก ในวัยเด็กจะมีอัตราการสร้างที่มากกว่าอัตราการสลาย เด็กก็จะมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะค่อยๆชะลอการสร้างตอนเข้าสู่วัยรุ่น หรือ วัยที่ผู้หญิงเริ่มมีประจำเดือน และเมื่อเข้าสู่วัยชรา หรือ วัยผู้หญิงที่หมดประจำเดือน จะพบว่าอัตราการสลายมากกว่าอัตราการสร้างกระดูก จึงพบว่าคนสูงอายุ มักพบภาวะกระดูกบางมากกว่าวัยอื่น โดยพบว่าหลังหมดประจำเดือนใน 5 ปีแรก กระดูกจะบางลง25% และจะบางลงไปเรื่อยๆ ตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนจนถึงแก่ชีวิตได้ 

    ภาวะกระดูกบางไม่ได้พบมากเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ผู้ชายก็พบได้ โดยเฉพาะในวัยสูงอายุมากกว่า 65 ปี  พบว่าอัตราการสูญเสียใกล้เคียงกับวัยหมดประจำเดือน โดยพบว่า ฮอร์โมนเพศชาย คือ เทสโตสเตอโรน(testosterone) มีส่วนช่วยในการช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกเช่นเดียวกันกับ เอสโตรเจน(estrogen) ที่เป็นฮอร์โมนเพศหญิง นอกจากนั้นปัจจัยที่ทำให้เกิดข้อเสื่อมอื่นๆ เช่น การอักเสบจากอนุมูลอิสระ พันธุกรรม น้ำหนักตัวที่มากเกินไป การยกของหนัก เป็นต้น หรือในผู้หญิงตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่ให้นมบุตร ก็มีความต้องการแคลเซียมมากขึ้นให้แก่ลูก ก็จะมีความเสี่ยงที่จะกระดูกบางมากขึ้นเช่นกัน

    สุขภาพของกระดูกและข้อในอุดมคติ ต้องประกอบไปด้วย มีแกนกลางกระดูกที่แข็งแรง ไม่บางและไม่พรุน มีข้ออ่อนหรือกระดูกอ่อนหุ้มกระดูกที่สมบูรณ์ ไม่สึกหรอ ข้ออ่อนหุ้มกระดูกจะช่วยเพิ่มความลื่นและช่วยให้การเคลื่อนไหวสะดวก และมีน้ำเลี้ยงไขข้อที่เพียงพอเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกเสียดสีกัน การทำให้สุขภาพของกระดูกและข้  ออยู่ในอุดมคติได้นั้น ต้องเริ่มจากการลดปัจจัยที่จะไปทำลายกระดูกและข้อ เช่น การดื่มคาเฟอีน การแบกของหนักๆ หรือ  มีน้ำหนักตัวเยอะ ร่วมกับการออกกำลังกาย และ รับประทานสารอาหารที่ไปช่วยสร้างและซ่อมแซมกระดูก

    ภาวะกระดูกและข้อเสื่อมแม้ไม่ทำให้เสียชีวิต แต่เมื่อเกิดขึ้นจะทำให้คุณภาพชีวิตลดลง อาจทำให้เราขาดโอกาสที่จะทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับคนที่เรารัก หรือ เสียโอกาสในการทำกิจกรรมต่างๆไป จากผลของการวิจัยต่างๆเมื่อไม่นานมานี้พบว่า ภาวะกระดูกบางสามารถป้องกันได้ ไม่ใช่ภาวะที่เกิดจากความชราเหมือนการผมหงอก หรือ ผิวเหี่ยวย่น เนื่องจากกระดูกสามารถซ่อมแซมและสร้างตัวใหม่ได้ถ้าได้รับการดูแลที่ดีและได้รับอาหารที่เหมาะสม แต่จะต้องได้รับการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆตั้งแต่วัยหนุ่มสาว ไม่ใช่รอให้กระดูกบางก่อน ดังนั้นอย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปจนแก่ชราแล้วค่อยมาเรียกหายาบำรุงข้อ เราควรหันมาเริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพข้อและกระดูกตั้งแต่วันนี้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า

 

สารอาหารสำคัญสำหรับกระดูกและข้อต่อ

 
 แคลเซียม Calcium 
     90% ของแคลเซียมอยู่ในกระดูก ปัญหาของการรับประทานแคลเซียมในปัจจุบันคือ การดูดซึมที่ต่ำ โดยเฉพาะแคลเซียมที่มาจากสิ่งไม่มีชีวิต เช่น แคลเซียมคาร์บอเนตจากหินปูน จะมีอัตราการดูดซึมต่ำกว่า เกาะตัวเป็นนิ่วง่าย มีผลข้างเคียงทำให้ท้องผูก ส่วนแคลเซียมที่มาจากพืช เช่น แคลเซียมจากสาหร่าย เมื่อดูที่โครงสร้างของแคลเซียมคาร์บอเนตจากหินปูน พบว่ามีการจับตัวกันที่แน่นหนา ในขณะที่อความินแคลเซียมจากสาหร่ายจะมีโครงสร้างที่หลวมกว่า ทำให้การดูดซึมเข้าสู่กระดูกง่ายกว่า นอกจากนี้อความิน ยังมีแร่ธาตุอื่นๆเป็นส่วนประกอบ นอกเหนือจากแคลเซียมอีกหลายชนิด ที่ช่วยเสริมการสะสมแร่ธาตุและการเจริญของกระดูก

 แมกนีเซียม (Magnesium Chelate) 
    เป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญอย่างมากของกระดูก โดยพบว่า 60% ของแมกนีเซียมในร่างกายอยู่ในกระดูก ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1% ของแร่ธาตุในกระดูกทั้งหมด และมีความสำคัญในการสร้างกระดูกเนื่องจากเป็นตัวนำพาเอาแคลเซียมไปสะสมไว้ที่กระดูก ในการรับประทานที่ดีควรทำให้มีสัดส่วนของ แคลเซียมต่อแมกนีเซียม เท่ากับ 2:1

 วิตามิน ดี3 (Vitamin D3)
   วิตามินดี มีความสำคัญในการช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสเฟตจากลำไส้ไปสะสมไว้ในกระดูก เราสามารถรับวิตามินดีได้ทั้งจากอาหารและแสงแดด ยิ่งเมื่อเรามีอายุมากกว่า 60 ปี ร่างกายเราจะไม่สามารถสร้างวิตามินดีได้เองโดยธรรมชาติ ซึ่งต้องรับประทานจากอาหาร การที่วิตามินดีจะออกฤทธิ์ได้ต้องผ่านการเปลี่ยนรูปที่ตับและไตก่อน ตามลำดับ โดยพบว่าวิตามินดี 3 มีความสามารถในการจับกับตัวรับวิตามินดีบนตับ (VDR receptor) ได้ดีกว่าวิตามินดี 2 ทำให้สามารถเปลี่ยนเป็น Actived vitamin D ได้ดีกว่า
 

 สังกะสี (Zinc amino acid chelate)
เป็น cofactor สำคัญที่ช่วยในกระบวนการสร้างกระดูก มีการศึกษาพบว่าผู้ที่มีระดับของ ซิงค์ ในร่างกายต่ำ มีความสัมพันธ์กับการเกิดกระดูกพรุน

 ทองแดง (Copper amino acid chelate)
   เป็น Enzymatic cofactor ที่มีบทบาทสำคัญที่ช่วยคงสภาพของกระดูกให้มีความยืดหยุ่นและแข็งแรง เช่น ช่วยในการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสติน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กระดูก, เป็น cofactor ของ Antioxidant Enzymes ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระต่างๆที่คอยทำลายกระดูก และ ช่วยยับยั้งกระบวนการทำลายกระดูก เป็นต้น

 วิตามิน เค2 Vitamin K2 (MK-7) 
   วิตามินเค เป็นวิตามินที่มีบทบาทหลายอย่าง ตามแต่ชนิดของวิตามินเคชนิด โดยวิตามินเคสองเป็นชนิดที่มีบทบาทสำคัญสำหรับกระดูก เป็นตัวที่คอยจัดระเบียบแคลเซียมให้อยู่เป็นที่เป็นทาง เช่น ให้อยู่เฉพาะที่กระดูกและฟัน ไม่ให้มาเกาะตามหลอดเลือดเป็นต้น โดยพบว่าผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือหัวใจอุดตัน มักมีระดับวิตามินเคสองต่ำกว่าปกติ ซึ่งวิตามินเคสองก็ยังแบ่งออกเป็นอีกหลายชนิด โดยชนิดของวิตามินเคสองที่อยู่ในรูปอาหารเสริมที่พบในท้องตลาดปัจจุบัน ได้แก่ ชนิด MK4 และ MK7 ข้อแตกต่างคือ ชนิด MK4 มักจะเป็นแบบสังเคราะห์ แต่ชนิด MK7 จะได้มาจากการหมักจากแบคทีเรีย ซึ่งเป็นรูปแบบการสร้างวิตามินเคสองตามธรรมชาติ นอกจากนี้ MK7 ยังมีการดูดซึมได้ดีกว่าและอยู่ในร่างกายได้นานกว่าวิตามินเคสองชนิด MK4

 คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Undenatured Collagen Type II : UCII)
   คอลลาเจนชนิดที่ 2 เป็นคอลลาเจนที่พบได้ในเซลล์กระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อและหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งแตกต่างจากคอลลาเจนที่พบในผิวหนัง ซึ่งจะเป็นคอลลาเจนชนิดที่ 1, 3 และ 4 (Collagen Type 1, 3 และ 4) คอลลาเจนชนิดที่ 2 แบ่งออกเป็นหลายชนิด ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต โดยพบว่าคอลลาเจนชนิดที่ 2 ชนิด Undenatured Collagen Type II (UCII) เป็นชนิดที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคอลลาเจนชนิดที่ 2 ที่ร่างกายสังเคราะห์ได้เองมาก เนื่องจากกระบวนการผลิตไม่ผ่านความร้อนสูงและไม่ผ่านการย่อยสลายด้วยเอนไซม์ มีโครงสร้างเป็นแบบ Triple Helix Structure ทำให้สามารถออกฤทธิ์ได้บริเวณข้อ โดยลดอัตราการทำลายหรือความเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อ ส่งผลให้ร่างกายกลับสู่ภาวะสมดุลของการซ่อมสร้างตามธรรมชาติ

 น้ำมันคริลล์ (Krill oil)
   น้ำมันคริลล์ ประกอบไปด้วยโอเมก้า 3 ที่จับตัวกับ phospholipids ทำให้มีการละลายน้ำและดูดซึมได้ดี ในโอเมก้า 3 มีส่วนประกอบสำคัญ คือ EPA (Eicosapentaenoic Acid) ที่มีฤทธิ์ลดการปาดเจ็บในร่างกายได้ นอกจากนี้ในน้ำมันคริลล์ยังมีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ Astaxanthin ซึ่งเป็นสารช่วยเสริมอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงที่สามารถกำจัดอนุมูลอิสระต่างๆในร่างกายได้มากกว่าวิตามินอีถึง 100 เท่า

 ขมิ้นชัน (Turmeric)
   ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณมากมาย ถูกนำมาใช้เป็นยาตั้งแต่สมัยโบราณเพื่อช่วยในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับระบบในทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ และต้านการอักเสบ ขมิ้นชันทั่วไปมีข้อจำกัดในเรื่องการละลายน้ำ ทำให้การดูดซึมเข้ากระแสเลือดเพื่อไปลดการบาดเจ็บในร่างกายเป็นไปได้ยาก หากเราสามารถพัฒนาขมิ้นชันให้มีคุณสมบัติในการละลายน้ำได้ดีขึ้น ก็จะช่วยเพิ่มสรรพคุณด้านการต้านอักเสบได้มากขึ้น สามารถนำมาใช้ในช่วยคลายการปาดเจ็บต่างๆได้ เช่น กระเพาะอักเสบ ข้อเข่าอักเสบ เป็นต้น
 

 

ข้อแนะนำในการรับประทาน

 รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง ก่อนหรือหลังอาหาร เช้า-เย็น
shopping_cart
0